ดูเหมือนฟุตบอล AFF SUZUKI CUP 2020 ครั้งนี้ จะมีความสนุกดุเดือดมากกว่าทุกครั้ง ทำไมทุกชาติจึงต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้แต่ไทยเองก็สามารถรวมนักเตะดีๆได้ครบชุด เหมือนจะเป็นการบอกเป็นนัยๆว่า ครั้งนี้สำคัญกว่าทุกครั้ง!!
ฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงชาวอาเซี่ยนเท่านั้นที่ให้ความสนใจ แต่ยังมีอย่างน้อย 3 ชาติเอเชีย ที่เป็นชาติมหาอำนาจในวงการฟุตบอลที่จับตาอยู่ นั่นคือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นนั้น ต่างเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ สามารถได้เข้าไปแข่งขันในระดับฟุตบอลโลกแทบทุกรอบ เหมือนเป็นการผูกขาดว่า ถ้าเป็นเอเชีย ก็จะนึกถึง 2 ชาตินี้ในอันดับต้นๆ ส่งผลให้ทีมนักเตะผู้เล่นต่างมีชื่อเสียงและสามารถผันตัวกลายเป็นโค้ชที่ได้รับการยอมรับ ดังเช่นทัวร์นาเม้นท์ครั้งนี้ ก็มีหลายชาติที่ใช้บริการโค้ชจากเกาหลีและญี่ปุ่น เป็นต้น
การต่อสู้กันครั้งนี้ ไม่ได้ต่อสู้กันเพียงนักเตะเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้กันของโค้ช ของชาติมหาอำนาจดังกล่าว ทั้งยังเป็นการเฝ้ามองผลงานของนักเตะ ที่อาจจะสามารถรับเข้าสังกัดสโมสร เพื่อใช้งานเป็นอะไหล่นักเตะ เป็นประโยชน์แบบ Win-Win เพราะนักเตะก็ได้พัฒนาฝีมือ ได้เล่นในเกมส์ที่มีผู้เล่นในระดับสูงขึ้นและมีรายได้มากขึ้น ขึ้นอยู่กับว่า ไปแล้วจะสามารถพิสูจน์ฝีมือได้มากน้อยแค่ไหน
ในวิกฤตการณ์ COVID19 เช่นนี้ การส่งเสริมตลาดนักเตะชาวอาเซี่ยน อาจเป็นการยิงนกนัดเดียวได้สองต่อ ทั้งเป็นการสร้างกระแสนิยมและสร้างชื่อเสียง แถมยังได้สร้างความสัมพันธ์กระชับมิตรกันกับชาติต่างๆที่อาจจะมีผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต หรืออย่างน้อยๆก็ได้ขายงานโค้ชส่งออกไปหาเงินในต่างประเทศได้
ส่วนจีนนั้น ตอนนี้ได้แต่เฝ้ามองตาปริบๆ ถึงจะเป็นชาติมหาอำนาจที่มีสโมสรที่ทำผลงานได้ดีในระดับแชมป์ ACL แต่ในระดับทีมชาติ กลับยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก แม้แต่นักท่องโซเชี่ยลจีนเมื่อเห็นทีมชาติไทยเล่นกับเวียดนามยังมีอาการคอมเมนท์กันอย่างดุเดือด บางคนบอกว่าตอนนี้จีนคงจะสู้ทีมจากอาเซี่ยนยากแล้ว บางคนก็กล่าวชื่นชมลูกยิงลูกที่สองของชนาทิปและเปรียบเทียบกับนักเตะชาวจีนว่าคงจะไม่สามารถทำแบบทีมไทยได้
ปัญหาเรื่องการเมืองหรืออะไรก็แล้วแต่ จีนไม่สนใจที่จะใช้โค้ชจากเกาหลี หรือญี่ปุ่นแน่นอน แต่ถ้าจากไทยล่ะ? ก็ไม่แน่นะ (น้องลิซ่าทำให้เห็นมาแล้ว)
แต่โค้ชไทยยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากครับ กว่าจะได้รับการยอมรับในสายตาชาวโลก อย่างน้อยๆทีมชาติไทยควรจะไปฟุตบอลโลกให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยเริ่มแทรกซึมเข้าไปเป็นโค้ชในระดับสโมสรก่อน (อันนี้ผมอาจจะมโนมากไป แต่มันก็สิทธิ์ของผมที่จะมโนได้)
............
อ้อมไปไกล ขอกลับมาที่การวิจารณ์คู่ สิงคโปร์ vs อินโดนีเซีย
ทำไมสิงคโปร์ จึงไม่ประสบความสำเร็จ? อย่างน้อยๆควรจะได้เข้าชิง (ถ้าอยู่กันครบทีมดูๆแล้ว ก็มีโอกาสชนะ)
การที่เป็นเจ้าภาพ แต่ได้ถึง 3 ใบแดงบ่งบอกถึงอะไร?
เริ่มจากใบแดงแรกที่ไม่น่าทำให้เป็นใบแดง
ส่วนใบที่สอง ก็เข้าใจว่า กองหลังสกัดบอลผิดเหลี่ยม
ใบที่ 3 อันนี้พอเข้าใจได้ว่า ผู้รักษาประตูทำหน้าที่ที่จำเป็น
ทั้งหมดนี้กำลังบอกว่าเกมส์รับของสิงคโปร์นั้นมีปัญหามาก ไม่รู้ว่ารับลึกหรือรับตื้นไป แต่สรุปว่าไม่ทันเกมส์ของอินโดฯ
อีกทั้งยังไม่สามารถทนต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม
โค้ชเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ปัญหานี้ แต่โค้ชชาวญี่ปุ่นอาจจะยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมของชาวสิงคโปร์ที่ดีพอ สิงคโปร์นั้นอุดมไปด้วยนักเตะโอนสัญชาติ เพราะทรัพยากรในชาติเล็กๆนั้นไม่เพียงพอ การปลุกกระแสความรักชาติก็อาจจะทำได้ไม่ดีนัก บางครั้งอาจจะมองเรื่องผลประโยชน์มาก่อน เช่น เกมส์หนักๆแบบนี้ไม่คุ้มค่าตัวว่ะ ติดแดงก็ยังได้พัก ชนะไปก็ไปเจอไทยอีก (สู้ไม่ได้) จึงอาจจะคิดถอดใจกันแล้ว(อาจจะบางคน) ต่างกับอินโดฯที่ไม่เกรงกลัวต่อเจ้าภาพใดๆเลย ใช้ทุกรูปแบบเพื่อให้ได้ชัยชนะและหวังจะได้เข้าชิงอีกครั้ง นั่นอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นทีมชาติอินโดฯที่ทุ่มเทเพื่อทีมชาติจริงๆ
เกมส์นี้ผมก็สงสารก็แต่ผู้รักษาประตูสิงคโปร์ที่ต้องเซฟลูกเยอะมาก สมควรได้รับรางวัล Man of The Match ถ้าไม่ติดใบแดงไปซะก่อน
เชิญคอมเม้นท์กันตามอัธยาศัยครับ แต่อย่าด่าผมเยอะนะ อันไหนผิดก็บอกกล่าวกันได้ครับ