tonmania
Thailandsusu
Full Member

คะแนนความรัก: +276/-547
ออฟไลน์
กระทู้: 988
|
ที่เบลเยียมหลังความล้มเหลวของทีมชาติเบลเยี่ยมในอดีต ซาบล็องได้โน้มน้าวให้ทุกฝ่ายรวมถึงสโมสรอาชีพ 34 แห่งในเบลเยียมและโรงเรียนต่างๆ ให้ทำตามแผนแม่บทของเขาแม้ทุกฝ่ายจะมีเป้าหมายที่ต่างกันก็ตาม
หนึ่งในแผนของซาบล็องที่เขาเอาแผนจากฝรั่งเศสและฮอลแลนด์มาปรับใช้ก็คือ ให้ทีมทุกชุดเล่น formation 4-3-3 เหมือนๆกันมันอาจทำให้สโมสรต่างๆไม่พอใจที่เหมือนถูกกำกับทิศทาง แต่ผลลัพธ์ของผลผลิตในปัจจุบันของบรรดาดาวรุ่งทีมชาติเบลเยี่ยมที่โลดแล่นอยู่ในลีกชั้นนำนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ผลจนซาบล็องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
บางทีไทยแลนด์เวย์ก็คงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะค้นพบระบบที่เหมาะสมเหมือนที่ซาบล็องทำซึ่งก็ใช้เวลาเป็นสิบปีเหมือนกันกว่าจะมีเจนเนอเรชั่นใหม่อย่างเอแดง อาซาร์ หรือลูกากูออกสู่เวทีลูกหนัง
บางทีการดึงผู้เล่นจากอคาเดมี่ดีๆในเมืองไทยเข้าไปซ้อมร่วมกันเป็นระยะที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติก็คงเป็นแนวความคิดเดียวกันในการสร้างแนวทางให้เป็นในแนวทางการเล่นเดียวกันก็เป็นได้
ในปัจจุบันถ้าใครติดตามข่าวสารจะรู้ว่าเขาถูกจ้างมาวางระบบให้กับวงการฟุตบอลข้างๆบ้านเราอย่างสิงคโปร์ แต่ด้วยวัฒนธรรมและสังคมเอเชียทำให้พบว่าปัญหาเรื่องค่านิยมของผู้ปกครองหรือทัศนคติผู้เล่นต่างกันออกไปส่วนใหญ่ยังนิยมให้เด็กๆเรียนหนังสือมากกว่ามาเตะบอล
บางครั้งอาจจำเป็นต้องเริ่มสร้างตั้งแต่ให้เด็กๆสนใจเล่นเกมฟุตบอลด้วยซ้ำก่อนจะสนใจที่หลักสูตรการฝึกอบรมหรือผลการแข่งขัน เรื่องการจ้างประธานเทคนิคที่ประสบความสำเร็จมาทำเลยก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จมากนักหากมองจากพัฒนาการเด็กๆหรือผลงานทีมชาติสิงคโปร์ในช่วงที่ผ่านมา
ที่สำคัญมันต้องใช้เวลาและการเริ่มลงมือทำไม่ใช่นั่งนึกหรือฝันเอาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
godNorthstar
Full Member
 
คะแนนความรัก: +184/-131
ออฟไลน์
กระทู้: 725
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
supakiat88
|
ขอบคุณครับ ^ ^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
นักปราชญ์ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
|
|
|
PumDMinter
ลุงหนึ่งหนังสือครึ่งราคา
Thailandsusu
Sr. Member

คะแนนความรัก: +196/-204
ออฟไลน์
กระทู้: 1,635
facebook.com/discount.book
|
ที่เบลเยียมหลังความล้มเหลวของทีมชาติเบลเยี่ยมในอดีต ซาบล็องได้โน้มน้าวให้ทุกฝ่ายรวมถึงสโมสรอาชีพ 34 แห่งในเบลเยียมและโรงเรียนต่างๆ ให้ทำตามแผนแม่บทของเขาแม้ทุกฝ่ายจะมีเป้าหมายที่ต่างกันก็ตาม
หนึ่งในแผนของซาบล็องที่เขาเอาแผนจากฝรั่งเศสและฮอลแลนด์มาปรับใช้ก็คือ ให้ทีมทุกชุดเล่น formation 4-3-3 เหมือนๆกันมันอาจทำให้สโมสรต่างๆไม่พอใจที่เหมือนถูกกำกับทิศทาง แต่ผลลัพธ์ของผลผลิตในปัจจุบันของบรรดาดาวรุ่งทีมชาติเบลเยี่ยมที่โลดแล่นอยู่ในลีกชั้นนำนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ผลจนซาบล็องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
บางทีไทยแลนด์เวย์ก็คงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะค้นพบระบบที่เหมาะสมเหมือนที่ซาบล็องทำซึ่งก็ใช้เวลาเป็นสิบปีเหมือนกันกว่าจะมีเจนเนอเรชั่นใหม่อย่างเอแดง อาซาร์ หรือลูกากูออกสู่เวทีลูกหนัง
บางทีการดึงผู้เล่นจากอคาเดมี่ดีๆในเมืองไทยเข้าไปซ้อมร่วมกันเป็นระยะที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติก็คงเป็นแนวความคิดเดียวกันในการสร้างแนวทางให้เป็นในแนวทางการเล่นเดียวกันก็เป็นได้
ในปัจจุบันถ้าใครติดตามข่าวสารจะรู้ว่าเขาถูกจ้างมาวางระบบให้กับวงการฟุตบอลข้างๆบ้านเราอย่างสิงคโปร์ แต่ด้วยวัฒนธรรมและสังคมเอเชียทำให้พบว่าปัญหาเรื่องค่านิยมของผู้ปกครองหรือทัศนคติผู้เล่นต่างกันออกไปส่วนใหญ่ยังนิยมให้เด็กๆเรียนหนังสือมากกว่ามาเตะบอล
บางครั้งอาจจำเป็นต้องเริ่มสร้างตั้งแต่ให้เด็กๆสนใจเล่นเกมฟุตบอลด้วยซ้ำก่อนจะสนใจที่หลักสูตรการฝึกอบรมหรือผลการแข่งขัน เรื่องการจ้างประธานเทคนิคที่ประสบความสำเร็จมาทำเลยก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จมากนักหากมองจากพัฒนาการเด็กๆหรือผลงานทีมชาติสิงคโปร์ในช่วงที่ผ่านมา
ที่สำคัญมันต้องใช้เวลาและการเริ่มลงมือทำไม่ใช่นั่งนึกหรือฝันเอาครับ
 ++++
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป๊อกกี้
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +1516/-1691
ออฟไลน์
กระทู้: 3,628
|
ขอบคุณมากครับ สำหรับกระทู้ บวกให้ไม่ขึ้นแล้ว เพราะเพิ่งบวกไป
สำหรับกลุ่มคนพวกนั้นแล้ว อะไรก็ได้ แค่เอาเฮงออกไปก็มีความสุขแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yost
|
รร.กีฬาฯ มีแล้วหลายจังหวัด
ต่อไปควรตั้ง รร.ฟุตบอลฯ หลักสูตรสมาคมฯ เหมือนกันทั่วประเทศ
รับรองเหมือนและใกล้เคียงกันได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
seabuff
Thailandsusu
Sr. Member

คะแนนความรัก: +95/-49
ออฟไลน์
กระทู้: 1,548
"Winter Is Coming"
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
kaimao
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +851/-263
ออฟไลน์
กระทู้: 2,340
ผมดูบอลไทยที่บ้าน (ดูที่สนามเป็นบ้างครั้ง)
|
ใจเย็นๆท่านเพิ่งเข้ามา ให้โอกาศท่านทำงานก่อน 5ปี10ปีนี้ได้เห็นผลแน่ รอแค่อีก5ปี10ปีถ้าท่านทำไม่ได้ เราค่อยหาคนอื่นมาทำแทน เสียเวลาแค่5ปี10ปี เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pongonwon
เฮงซัง get out
Hero Member
   
คะแนนความรัก: +576/-2126
ออฟไลน์
กระทู้: 6,417
|
ทำไมพอซิโก้ท่านไมรอ5-10ปี ตอบ!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WPP.North
ถูกแบน-ห้ามเข้าบอร์ดชั่วคราว
Hero Member
คะแนนความรัก: +128/-1080
ออฟไลน์
กระทู้: 2,186
@พันธมิตร_ท่าน ded_ded
|
ผมว่า ร้อยปี ก้อทำไม่ได้ ดูหุ่น เกาหลีใต้ ชนญี่ปุ่น กระเด็น กระดอน นัด เกาหลีใต้ ชนะ ญี่ปุ่น 4-1 แล้ว ได้แต่ปลง เฮ้อ!!!! 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Doctor สลัม
อยากจะรวยจริงๆ
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +2560/-3716
ออฟไลน์
กระทู้: 51,817
หล่อไม่มาก แต่ท่ายากเฮียมีเยอะ
|
ไทยเราเอาบ้างไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ลมหายใจคือฟุตบอล
|
|
|
อาจารย์หนุ่ย_SR38
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +652/-196
ออฟไลน์
กระทู้: 9,459
สโมสรฟุตบอลอุดรธานี เอฟซี
|
ฟุตบอลระดับ U12 ประเทศไทย ยังต้องการแชมป์ มาให้โรงเรียน มาให้สโมสร เลยครับ ทำทีมแพ้ 5 แม็ท ติดต่อกัน ก็ตกงานแล้ว ครับ สำหรับประเทศไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พ่อน้องน้ำหวาน_MTUFC
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +683/-856
ออฟไลน์
กระทู้: 5,404
คนปากเกร็ด เชียร์เมืองทอง ยูไนเต็ด
|
ทำไมพอซิโก้ท่านไมรอ5-10ปี ตอบ!!
น่าจะอายที่แพ้ญี่ปุ่น แต่แพ้พม่า เวียดนามไม่อาย..ฮิฮิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nunezto
Full Member
 
คะแนนความรัก: +65/-164
ออฟไลน์
กระทู้: 710
|
พม่า เวียดนาม เขาได้ไปบอลเยาวชนโลก ไทยได้ไปหรือยัง (เฉพาะไม่โกงอายุ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Mudafuka
Jr. Member

คะแนนความรัก: +73/-199
ออฟไลน์
กระทู้: 338
|
ทำไมพอซิโก้ท่านไมรอ5-10ปี ตอบ!!
ซิโก้เป็นโค้ช ไม่ใช่ประธานเทคนิค งานเป้าหมายต่างกันสโคปต่างกัน ซิโก้ลาออกเอง.....มีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลา ทำทีมชาติพาร์ทไทม์คุณน่าจะจำได้ คุณไม่น่าจะดึงซิโก้มาเลย เค้าอยุ่ไม่ได้เพราะเรื่องผลงาน+เรื่องการจัดการ ผมว่าน่าจะจบๆกันได้แล้วนะครับ พี่โก้เดียวเค้าจบโปรไลเซ่นสะสมประสบการณ์ใครจะรู้เอาอาจจะกลับมาเป็นนายกสมาคมก้ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
japan_xi
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +2166/-5845
ออฟไลน์
กระทู้: 17,541
|
ทำไมพอซิโก้ท่านไมรอ5-10ปี ตอบ!!
เห็นด้วยครับ ผมว่ารอผลงานซิโก้ ยังดูมีความหวัง มากกว่า รออะไรก็ไม่รู้ของเฮงซังอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Figo Pro Ubon Fc Av
บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยไล่สมาคม
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +1150/-1877
ออฟไลน์
กระทู้: 33,507
|
ปัญหาสมาคมและลีกไทยเยอะมากและพัฒนาช้ากว่าเบลเยี่ยมมาก ต้องให้เวลาท่านยศ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SuperTOR
Full Member
 
คะแนนความรัก: +154/-271
ออฟไลน์
กระทู้: 944
|
บางคนมาเม้นแล้วเหมือนไม่ได้อ่านเนื้อหากระทู้ ซิโก้จับงานโค้ช เอคโคโน่จ้างมาสอนงาน เอาซิโก้มาเปรียบเทียบเอคโคโน่ไม่ได้หรอกนะ งานคนละอย่าง เว้นเสียแต่ว่าจ้างsport hero มาสอนงานติ๊กต็อกโมเดลอ ช่วยพัฒนาศูนย์ฝึก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kokkabark
|
เขาด่าเอคโคโน่และประธานเทคนิค ไม่ได้เกี่ยวกับการพัฒนาแต่มันอยู่ที่ผลงานการคุมทีมชาติและการเลือกโค้ชมาคุมทีมชาติ
กระทู้ช่วงนี้มีที่มาจากผลงานทีมชาติทั้งงั้น เมื่อรู้ว่างานตัวเองไม่ถนัดแล้วมารับงานเพื่อลดเครดิตตัวเองทำไม
แล้วการใช้งานคนให้ถูกกับงานมันก็ส่วนนึงของงานบริหารของสมาคมหรือเปล่า พวกคุณเอาหน้าตาประเทศ เอาความรู้สึกแฟนบอล
มาทดลอง หรือถ้าอย่างงั้นจะปลดคนเก่าทำไม ทำไมไม่ร่วมมือกันพัฒนาและขอเวลาจากแฟนบอล ด้วยความรู้ความสามารถ
ของฝ่ายเทคนิค และเชื่อว่าสักวันเราต้องพัฒนาได้ โดยอาจจะดึงโค้ชเก่งๆที่ปลดเกษียณแล้วมาเป็นที่ปรึกษาก็ได้
หรืออาจจะใช้คอนเนคชั่นของประธานเทคนิคก็น่าจะทำให้เราพัฒนาได้ โดยไม่ต้องจ้างฝรั่งที่ค่าจ้างแพงๆมาทำ
และก็สามารถต่อยอดจากจุดเดิมที่เราอยู่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pongonwon
เฮงซัง get out
Hero Member
   
คะแนนความรัก: +576/-2126
ออฟไลน์
กระทู้: 6,417
|
ทำไมพอซิโก้ท่านไมรอ5-10ปี ตอบ!!
ซิโก้เป็นโค้ช ไม่ใช่ประธานเทคนิค งานเป้าหมายต่างกันสโคปต่างกัน ซิโก้ลาออกเอง.....มีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลา ทำทีมชาติพาร์ทไทม์คุณน่าจะจำได้ คุณไม่น่าจะดึงซิโก้มาเลย เค้าอยุ่ไม่ได้เพราะเรื่องผลงาน+เรื่องการจัดการ ผมว่าน่าจะจบๆกันได้แล้วนะครับ พี่โก้เดียวเค้าจบโปรไลเซ่นสะสมประสบการณ์ใครจะรู้เอาอาจจะกลับมาเป็นนายกสมาคมก้ได้ งั้นเราควรรอให้ น้าเฮงจบโปไลเซ่นก่อน ค่อยมาเป็นประธานเทคนิคดีกว่าไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
thon law
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +784/-1427
ออฟไลน์
กระทู้: 8,738
new world order
|
เป็นเบลเยี่ยมโมเดล อือหือ ฟังดูเท่ไม่หยอก ผมก็อยากเท่นะ และก็โอเคถ้าจะให้ฝังหัวว่าใจเย็นๆรอ10ปีก็10ปี แต่ผมก็มีคำถามแย้งกับความอยากเท่ของผมเองเหมือนกันนะครับ เช่น แบบนี้วรวีร์ก็มีโมเดลดีเหมือนกันนี่ ทำมาเริ่มจะเข้าเล่นเอเชียทุกชุดในปีท้ายๆ แสดงว่าผลลัพธ์ที่ทำมาเริ่มเห็นผลหรือปล่าว? ที่ผมเคยด่าแก แสดงว่าผมไม่เป็นบอลเอง ใจร้อนเองที่จะไม่รอผลลัพธ์ดีๆหรือปล่าว แล้วเบลเยี่ยมตั้งแต่มาจัดระบบใหม่ มีไหมกับทีมที่เคยลูบปาก สมมติกับทีมลักซัมเบิร์กที่ต้องมาลุ้นชนะหรือกลายเป็นแพ้ไปแทน ผลงานช่วงแรกๆเขาย่อหรือถอยหลังลงไปเยอะไหม กว่าจะกลับมาผงาดได้ จำได้ว่าช่วงเอมเพงซ่าพี่น้อง ช่วงนั้นเบลเยี่ยมก็วูบวาบใช้ได้อยู่นะ จขกท.มีข้อมูลผลงานเบลเยี่ยมไหมครับ ไม่ใช่อะไรหรอกผมจะได้อดทนที่จะเท่ตามจขกท.ได้ แบบเห็นไหม เบลเยี่ยมตอนแรกดีๆพอเปลี่ยนระบบแล้วช่วงแรกๆก็แพ้หรือเสมอกับทีมที่น่าชนะได้เหมือนเรานี่แหล่ะ เราต้องอดทนนะ แบบนี้นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
how u live and how u fly , smiles u give and tears u cry , and all u touch and all u see , is all u life will ever be
|
|
|
tonmania
Thailandsusu
Full Member

คะแนนความรัก: +276/-547
ออฟไลน์
กระทู้: 988
|
แฟนบอลที่เริ่มดูบอลยุค 90 จะคุ้นเคยกับสตาร์ดังของเบลเยี่ยมหลายคน ทั้ง มาร์ค วิลมอตส์, บาร์ท กูร์, สองพี่น้อง เอมิล และ เอ็มโบ เอเพ็งซ่า, ลุค นิลิส และ ชิลส์ เดอ บิลล์ ซึ่งลงสนามสร้างสีสันให้เบลเยี่ยมปั่นป่วนทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆ ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ 3 สมัย (1990 1994 และ 2002) อย่างไรก็ตาม อยู่ดีๆ เบลเยี่ยมก็ช็อทไปดื้อๆ จากทีมที่เคยมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ก็หายหน้าหายตาไป รวมทั้งผลงานที่ไม่ดีในยูโร 2000 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพร่วมเนเธอร์แลนด์ และตกรอบแรกอย่างรวดเร็ว หลังฟุตบอลโลก 2002 พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับโลกถึง 12 ปี บางครั้งไม่ได้ลุ้นกระทั่งเพลย์-ออฟ
ในช่วงกลางยุค 2000s ซึ่งเบลเยี่ยมประสบวิกฤติอย่างหนัก บุคคลในสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยมประชุม หาทางอย่างหนัก ที่จะกอบกู้ความภาคภูมิใจในทีมชาติกลับมาให้ได้ และสิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ วงการฟุตบอลในเบลเยี่ยมเองตกต่ำไปมาก ไม่มีเด็กรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาทดแทนกลุ่มจอมเก๋าที่โรยราไปตามเวลา อีกทั้งหลายๆ สโมสรในประเทศ ก็มุ่งหวังชัยชนะด้วยการใช้ผู้เล่นต่างชาติเข้ามาเบียดบังโอกาสจากเด็กรุ่นใหม่
สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม เลยตั้งโครงการที่จะปรังปรุงระบบการจัดการฟุตบอลในประเทศเสียใหม่ เพื่อสร้างเด็กขึ้นมาเป็นตัวหลักให้ทีมชาติ สิ่งแรกที่พวกเขาทำ คือการเดินทางไปพบกับทีมงานของสมาคมฟุตบอลเพื่อนบ้าน อย่างเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสเปน เพื่อทำข้อตกลงร่วมมือกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน โดยจะจัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการทุกปี ลักษณะเหย้า-เยือน สลับกัน
นอกจากความรู้ภายนอก พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนการแข่งขันภายในประเทศ โดยพวกเขาเป็นชาติลูกหนังแรกๆ ที่ออกกฎให้แต่ละสโมสรจะต้องมีผู้เล่นสัญชาติเบลเยี่ยมระดับเยาวชน ในทีมชุดใหญ่เกินตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งให้ส่งลงสนามอย่างน้อย 1 คน ซึ่งเราอาจมองว่าวิธีการนี้เหมือนเป็นการบังคับให้แต่ละสโฒสรเอาเด็กลงสนาม โดยอาจไม่เชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่า เด็กจะทำผลงานได้ตามที่คาดไว้ แต่ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ก็คิดค้นหลักสูตรที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับสมาคมฯ ของประเทศอื่นๆ เอามาพัฒนาเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลระดับชาติ คัดเลือกเด็กแต่ละรุ่น มาเก็บตัว ไปแข่งด้วยกัน เลื่อนชั้นไปด้วยกัน และทำข้อตกลงกับสโมสรทั่วประเทศ ให้ฝึกเด็ก ด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้เด็กเบลเยี่ยมคุ้นเคยกับแผนการเล่นแบบเดียวกัน และสามารถจูนกันติด เมื่อต้องลงเล่นในนามทีมชาติแล้ว ซึ่งวิธีการนี้ สมาคมฟุตบอลเยอรมันเคยใช้ทำข้อตกลงกับสโมสรระดับลีกสูงสุด (บุนเดสลีกา) ให้เฮดโค้ชแต่ละสโมสร จัดแผนการเล่นในลักษณะที่คล้ายๆ กัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยแก่ผู้เล่นเยอรมัน จนเมื่อนักเตะเยอรมันเข้าใจแนวทางระยะยาวของทีมชาติแล้ว สมาคมฯ ก็ยกเลิกข้อตกลงไปในที่สุด
สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม ไม่ได้มองปัจจุบันในขณะนั้นแล้วว่า ทีมชาติจะได้ลุ้นเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหรือไม่ เพราะตามศักยภาพสูงสุดแล้ว พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาว อย่างไรก็ตาม พวกเขามองไกลไปถึงอนาคต ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่ได้เข้าสู่แผนการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จะฉายแววในอนาคต และพวกเขาไม่ต้องรอนาน เพราะเพียง เจเนเรชั่นที่ 1 ก็ทำให้เบลเยี่ยมกลายเป็นทีมที่น่ากลัวในสารบบลูกหนังอีกครั้งหนึ่ง
แล้วคุณคิดว่าพวกเขาใช้เวลานานขนาดไหนในการเฝ้ารอแบบไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จไหมจนนักเตะรุ่นเก่าๆต้องฝืนแบกสังขารเล่นบอลจนแทบจะกลายเป็นทีมคนแก่แห่งยุโรปถ้าใครได้ติดตามแล้วถ้าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะลองทำก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนรุ่นเก่าทีมชุดใหญ่ที่คิดว่าเก่งอยู่แล้วจากการสร้างแบบเก่าที่เราว่าเหนือกว่าชาวบ้านในอาเซียนแต่ไม่ไปไหนในระดับที่สูงกว่าก็ยังคงอยู่ส่วนที่พัฒนาแบบใหม่เราก็ปล่อยให้เขาทำงานไปตามแผนสร้างคนสร้างบุคลากรที่พวกเราบ่นนักหนาว่าขาดแคลนให้เข้าสู่ระบบฟุตบอลของเรามันอบรมวันสองวันคงไม่ใช่เรียนหนังสือยังใช้เวลา3ปี 4 ปี 6 ปีแล้วแต่ระดับเลยเพราะมันต้องปูพื้นฐานเพื่อการพัฒนาในระดับสูงขึ้นไปครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Greyharven
Thailandsusu
Hero Member

คะแนนความรัก: +298/-246
ออฟไลน์
กระทู้: 2,180
I'm one with the force and the force is with me
|
แฟนบอลที่เริ่มดูบอลยุค 90 จะคุ้นเคยกับสตาร์ดังของเบลเยี่ยมหลายคน ทั้ง มาร์ค วิลมอตส์, บาร์ท กูร์, สองพี่น้อง เอมิล และ เอ็มโบ เอเพ็งซ่า, ลุค นิลิส และ ชิลส์ เดอ บิลล์ ซึ่งลงสนามสร้างสีสันให้เบลเยี่ยมปั่นป่วนทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆ ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ 3 สมัย (1990 1994 และ 2002) อย่างไรก็ตาม อยู่ดีๆ เบลเยี่ยมก็ช็อทไปดื้อๆ จากทีมที่เคยมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ก็หายหน้าหายตาไป รวมทั้งผลงานที่ไม่ดีในยูโร 2000 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพร่วมเนเธอร์แลนด์ และตกรอบแรกอย่างรวดเร็ว หลังฟุตบอลโลก 2002 พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับโลกถึง 12 ปี บางครั้งไม่ได้ลุ้นกระทั่งเพลย์-ออฟ
ในช่วงกลางยุค 2000s ซึ่งเบลเยี่ยมประสบวิกฤติอย่างหนัก บุคคลในสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยมประชุม หาทางอย่างหนัก ที่จะกอบกู้ความภาคภูมิใจในทีมชาติกลับมาให้ได้ และสิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ วงการฟุตบอลในเบลเยี่ยมเองตกต่ำไปมาก ไม่มีเด็กรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาทดแทนกลุ่มจอมเก๋าที่โรยราไปตามเวลา อีกทั้งหลายๆ สโมสรในประเทศ ก็มุ่งหวังชัยชนะด้วยการใช้ผู้เล่นต่างชาติเข้ามาเบียดบังโอกาสจากเด็กรุ่นใหม่
สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม เลยตั้งโครงการที่จะปรังปรุงระบบการจัดการฟุตบอลในประเทศเสียใหม่ เพื่อสร้างเด็กขึ้นมาเป็นตัวหลักให้ทีมชาติ สิ่งแรกที่พวกเขาทำ คือการเดินทางไปพบกับทีมงานของสมาคมฟุตบอลเพื่อนบ้าน อย่างเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสเปน เพื่อทำข้อตกลงร่วมมือกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน โดยจะจัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการทุกปี ลักษณะเหย้า-เยือน สลับกัน
นอกจากความรู้ภายนอก พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนการแข่งขันภายในประเทศ โดยพวกเขาเป็นชาติลูกหนังแรกๆ ที่ออกกฎให้แต่ละสโมสรจะต้องมีผู้เล่นสัญชาติเบลเยี่ยมระดับเยาวชน ในทีมชุดใหญ่เกินตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งให้ส่งลงสนามอย่างน้อย 1 คน ซึ่งเราอาจมองว่าวิธีการนี้เหมือนเป็นการบังคับให้แต่ละสโฒสรเอาเด็กลงสนาม โดยอาจไม่เชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่า เด็กจะทำผลงานได้ตามที่คาดไว้ แต่ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ก็คิดค้นหลักสูตรที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับสมาคมฯ ของประเทศอื่นๆ เอามาพัฒนาเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลระดับชาติ คัดเลือกเด็กแต่ละรุ่น มาเก็บตัว ไปแข่งด้วยกัน เลื่อนชั้นไปด้วยกัน และทำข้อตกลงกับสโมสรทั่วประเทศ ให้ฝึกเด็ก ด้วยวิธีการที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้เด็กเบลเยี่ยมคุ้นเคยกับแผนการเล่นแบบเดียวกัน และสามารถจูนกันติด เมื่อต้องลงเล่นในนามทีมชาติแล้ว ซึ่งวิธีการนี้ สมาคมฟุตบอลเยอรมันเคยใช้ทำข้อตกลงกับสโมสรระดับลีกสูงสุด (บุนเดสลีกา) ให้เฮดโค้ชแต่ละสโมสร จัดแผนการเล่นในลักษณะที่คล้ายๆ กัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยแก่ผู้เล่นเยอรมัน จนเมื่อนักเตะเยอรมันเข้าใจแนวทางระยะยาวของทีมชาติแล้ว สมาคมฯ ก็ยกเลิกข้อตกลงไปในที่สุด
สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม ไม่ได้มองปัจจุบันในขณะนั้นแล้วว่า ทีมชาติจะได้ลุ้นเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหรือไม่ เพราะตามศักยภาพสูงสุดแล้ว พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาว อย่างไรก็ตาม พวกเขามองไกลไปถึงอนาคต ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่ได้เข้าสู่แผนการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จะฉายแววในอนาคต และพวกเขาไม่ต้องรอนาน เพราะเพียง เจเนเรชั่นที่ 1 ก็ทำให้เบลเยี่ยมกลายเป็นทีมที่น่ากลัวในสารบบลูกหนังอีกครั้งหนึ่ง
แล้วคุณคิดว่าพวกเขาใช้เวลานานขนาดไหนในการเฝ้ารอแบบไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จไหมจนนักเตะรุ่นเก่าๆต้องฝืนแบกสังขารเล่นบอลจนแทบจะกลายเป็นทีมคนแก่แห่งยุโรปถ้าใครได้ติดตามแล้วถ้าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะลองทำก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนรุ่นเก่าทีมชุดใหญ่ที่คิดว่าเก่งอยู่แล้วจากการสร้างแบบเก่าที่เราว่าเหนือกว่าชาวบ้านในอาเซียนแต่ไม่ไปไหนในระดับที่สูงกว่าก็ยังคงอยู่ส่วนที่พัฒนาแบบใหม่เราก็ปล่อยให้เขาทำงานไปตามแผนสร้างคนสร้างบุคลากรที่พวกเราบ่นนักหนาว่าขาดแคลนให้เข้าสู่ระบบฟุตบอลของเรามันอบรมวันสองวันคงไม่ใช่เรียนหนังสือยังใช้เวลา3ปี 4 ปี 6 ปีแล้วแต่ระดับเลยเพราะมันต้องปูพื้นฐานเพื่อการพัฒนาในระดับสูงขึ้นไปครับ
+ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
When the cold of winter comes, Starless night will cover day. In the veiling of the sun, We will walk in bitter rain.
|
|
|
|