
การเล่นของเขาค่อยๆ ได้เข้าสู่ระดับที่สูงขี้นอย่างรวดเร็ว เป็นการพัฒนาการที่น่าทิ่ง ม.4 เริ่มเล่นเยาวชนจังหวัด ม.5 ขึ้นมาเล่นบอลเขต 9 และเมื่อถึง ม.6 ก็ ได้เล่นภาคใต้ซอคเกอร์กับยะลาตอนนั้นเองที่ประกายฝันเขาได้ทอแสงขึ้นมาจน
มาเป็นความฝันที่บังเกิดในวินาทีนี้ เขาได้เปิดเผยว่า "ผมบอกให้ก็ได้ว่า ตอนที่ผมฝันว่ามีโอกาศจะติดทีมชาติได้ก็ตอนที่เล่นภาคใต้ซอคเกอร์ลีกนี่แหละ เพราะมีนักเตะทีมชาติหลายคนที่มาเล่นรายการนี้ ซึ่งผมดูๆแล้วเห็นว่าพอจะเล่นกับเขาได้ ตอนนั่นแหละ
ที่ผมมีความหวังขี้นมา หวังว่าจะติดทีมชาติสักวัน แต่มันเป็นความฝันที่ฝันอยู่ลึกมากกว่าที่จะคิดอย่างจริงจัง"
มาจนกระทั่งปี 1 ที่เขาเรียนสถาบันราชภัฎยะลา ซึ่งตอนนั่นยังเป็น วค.ยะลา อยู่ เขาก็ได้ร่วมสังฆกรรมกับรายการยามาฮ่าไทยแลนด์ คัพ ที่สุราษฎร์ธานี ครั้งแรก แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาธรรมดา ทว่าต่อมาในปีที่ 2 ที่เล่นยามาฮ่าไทยแลนด์ คัพ ซึ่งเขาอยู่ปีที่ 2 ของ
วค.ยะลานี่สิที่เป็นช่องคลอดจุดกำเนิดของเขาอย่างแท้จริงกับความก้าวหน้าบนถนนลูกหนัง
ยามาฮ่าไทยแลนด์คัพรอบคัดเลือกภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แม้ทีมยะลาจะได้อันดับ 3 เข้ารอบสุดท้ายไปอย่างฉิวเฉียดใจหายใจคว่ำ แต่กับเด็กหนุ่มกองหลังร่างโย่งบึกบินของทีมแล้ว เขาเล่นได้โดดเด่นเหนือกว่าใครทุกๆ คนในทีม แม้กระทั่งทุกๆ ทีมที่เข้าแข่งขันครั้งนั่น ก็ตามเขาสามารถที่จะเล่นรับได้อย่างเหนียวแน่น แข็งแกร่ง ผ่านยาก จนใครต่อใครขอบสนามชี้ให้ดูว่า ไอ้หมอนั่นคนเดียวจริงๆ ที่ช่วยทีม นอกจากนั่นแล้วหมอยังดอดขึ้นไปยิงประตูได้อย่างโดดเด่นจับใจ ทั้งการทำประตูในลูกกลางอากาศ และการตะบันด้วยเท้าหรือกระทั่งการเข่นลูกยิง ฮามิชฟรีคิก 40 หลา พุ่งเป็นจรวดแทบเสียบตาข่ายหลายครั้งก็ทำให้ผู้คนอ้าปากหวอค้าง อดไม่ได้ที่ฟุสบอลสยามต้องเอาเขามาแนะนำในที่สุด ในฐานะพระเอกของงาน
และอีก 2 ปีที่ผ่านมา ปีชวด และปีฉลูนับเป็นปีทองของแท้สำหรับคอรีเป็นที่พลิกผันอันเหลือเชื่อสำหรับเขา แม้แต่ตัวเขาก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในรอบสุดท้ายยามาฮ่าที่ชลบุรี แม้ยะลาจะไปไม่รอด แต่บูคอรีก็ได้รับการจับตามองโดยตลอดจากสตาฟฟ์โค้ชเยาวชน 19 ปี จังหวะที่คอรีรู้จักกันมาแต่เก่ากัย ชัชชัย พหลแพทย์ กุนซือเยาวชน 19 ปี เตรียมไปเกาหลี ตั้งแต่ครั้งภาคใต้ซอคเกอร์ลีก โอกาสติดทีมชาติของเขาก็มีอยู่เกินครึ่งแล้ว
แต่เขาก็ยังละล้าละลังอยู่เนื่องจากเขายังเรียนอยู่ปักษ์ใต้อยู่เลยแต่ต้องมาเตรียมทีมเข้าแคมป์กรุงเทพ ดวงคนจะเอาดีบนทางลูกหนัง เมื่อได้ฤกษ์ดีมันก็ไปถูกช่องถูกทางพอเหมาะพอเจาะจนได้จังหวะนั่น สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ที่ได้ไปเห็นฟอร์มเขาในฟุตบอลโกลกคัพ ได้ชักชวนเขามาคัดตัวองค์การโทรศัทพ์ ชุดไทยลีก
ปกติแล้วเป็นที่รู้ว่าระดับทีมโทรศัพท์ใครคัดติดเป็นตัวสำรองก็เก่งแล้ว คนเก่งๆ อีกเป็นพรวนรอจะเข้ายังไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นของแท้เขาก็สามารถพิสูจน์ให้โค้ชก๊อก พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ได้เห็นและติดทีมตอนนั้นเลย
โค้ชก๊อก ยืนยันว่าเขาจะติดทีมไทยลีกแน่นอน คอรีจึงตัดสินใจเก็บข้าวของโบกมือลาปักษ์ใต้เข้ามาแสวงหาหนทางในเมืองกรุงในที่สุด
ในปีนั้นเขาโผล่ทะลุขี้นมาเป็นตัวจริงของทีมฮัลโล อย่างตะลึงพรึงเพริดท่ามกลางผู้เล่นชื่อดังอย่าง กฤษดา เพื้ยนดิษฐ ,พงศ์ธร เทียบทอง ,อำพร อำพันสุวรรณ มเทเวศน์ กมลศิลป์ , ชรินทร์ ปาลศิริ จากนั้นเขาก็ติดทีมเยาวชน 19 ปีไปเกาหลีตามสเต็ป
กลับมาจากเกาหลี เขากลับมารับใช้โทรศัทพ์จนจบฤดูกาลด้านการเรียนเขาโอนหน่วยกิจจากสถาบันราชภัฎยะลามาสู่สถาบันราชภัฎจันทรเกษม
ฤดูกาลต่อมาเกิดจากการเปลี่ยนเปลงอีกครั้ง โค้ชก๊อก พงษ์พันธ์ วงสุวรรณ ย้ายเป็นเทโรศาสนเขาจึงต้องหนีบเอาสมุนคู่ใจไปด้วย แน่นอน 1 ในนั่นต้องมีผู้เล่นที่ไว้ใจได้อย่างบูคอรี
เขายังไปได้สวยในปีฉลูกับเทโรศาสนเช่นเดิม ขณะที่ชื่อของเขาแรงขี้นมาเรื่อยๆ ใกล้เคียงกับทีมชาติ เมื่อเพื่อนร่วมทีม 19 ปี ทยอยติดทีมชาติกันเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เศกสรรค์ ปิตุรัตน์ , กิติศักดิ์ ระสังป่า , นิเวส ศิริวงค์ และสุดท้ายในการประกาศชื่อล่าสุดเดือน มกราคม ปี 2541 ขุนพล 19 ปี เรียงหน้าสลอนเข้ามาติดทีมชุดใหญ่ และชื่อบุคอรี ดือเระ ก็ติดเป็น 1 ในนั้นเช่นกัน
"วันที่ประกาศชื่อผมไม่รู้หรอกว่าติดทีมชาติต้องคอยวันต่อมาเมื่อเพื่อนในห้องเช่าที่พักด้วยกันอยู่หน้าราม มาบอกว่ามีชื่อผมติดทีมชาติตอนนั้นผมก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจนักต้องมาเช็กหนังสือพิมพ์อีกครั้ง และสุดท้ายมันก็เป็นจริงจนได้ ดีใจมากจริงๆ ครับไม่เพียงแต่ผม ทุกๆคนที่บ้านรู้เขาก็ดีใจกันเหลือเกิน"
มันเป็นเหตุการณ์ที่รวดเร็วอย่างไม่คาดฝันคล้ายเป็นมายากลที่นักแสดงเสกปั้นเด็กหนุ่มบ้านนอกไกลปืนเที่ยงเข้ามากรุ่งเพียง 1 ปี แต่สามารถจะใช้ 2 ฝ่าเท้าสร้างชีวิตตัวเองขี้นมจากโคลนตมมาเป็นโถกระเบื้องเคลือบที่ทุกคนจ้องมองไม่วางตา
สำหรับตัวเขาเองในขณะนี้ได้กลายเป็นเพชรเม็ดงามในวงการฟุตบอลไทยไปแล้วเป็นเพชรราคาสูงที่เทโรศาสนต้นสังกัดเขาเองจะไม่ยินยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนง่ายๆ สำหรับทีมชาติเองก็คงเป็นหน้าที่ของประสบการณ์ที่จะหล่อหลอมให้เขาเป็นบุคลากรที่จะสร้างชื่อเสียงให้ทีมชาติต่อไป และกับชาวมุสลิม 4 จังหวัด ภาคใต้ตอนล่างก็คงจะมีความรู้สึกภูมิใจกับความสามารถของลูกหลานของพวกเขาซึ่งพวกเขาก็เตรียมพร้อมจะจับจ้องมอง และตามเชียร์ลูกหลานให้ก้าวหน้าเป็นหน้าเป็นตาต่อไป
"จริงๆ แล้วบ้านผมมันก็ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรอย่างที่เป็นข่าวหรอก ความจริงแล้วสิ่งที่ไม่ดีในที่อื่นๆ มันก็เหมือนกัน แต่เผอิญว่ามันเป็นบ้านผมก็เลยเป็นข่าวบ่อยชื่อเสียงจึงไม่สู้ดีหนัก แต่ผมยืนยันได้ว่าหากพวกคุณไปเยี่ยมเยือนเขาพร้อมที่จะต้อนรับขับสู่อย่างแน่นอน"
"กับทีมชาติแล้วยังไงผมก็ขอให้ติดสักเอเซียนเกมส์ด้วยก็คงจะดี แต่ตอนนี้หลังกลับบ้านเมื่อจบคิงส์คัพ เขาคงจะเลี้ยงฉลองกันใหญ่แน่นอน"
กล้า ปืนเกลียวรูปย้อนอดีต










